เพื่อให้เข้าใจ “หลักการทำงานของ IPM” อย่างถ่องแท้ เราจำเป็นต้องรู้จักกับส่วนประกอบต่างๆ ที่ถูกผนวกรวมกันอยู่ภายในชิปมหัศจรรย์ตัวนี้เสียก่อน ลองจินตนาการว่า IPM คือทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ซึ่งประกอบด้วยทีมหลักๆ ดังนี้
ภาคกำลัง (Power Stage) 6 ทหารเสือ IGBT
นี่คือส่วนที่ทำหน้าที่หนักที่สุด เปรียบเสมือนกล้ามเนื้อของระบบ ประกอบด้วย IGBT (Insulated-Gate Bipolar Transistor) จำนวน 6 ตัว จัดเรียงกันในรูปแบบที่เรียกว่า “วงจรบริดจ์ 3 เฟส” (Three-Phase Bridge)

IGBT คืออะไร?
- มันคือสวิตช์อิเล็กทรอนิกส์กำลังสูงชนิดหนึ่ง ที่สามารถเปิด-ปิดได้อย่างรวดเร็วมาก (หลายพันถึงหลายหมื่นครั้งต่อวินาที) เพื่อควบคุมการไหลของกระแสไฟฟ้าแรงสูงที่ไปยังคอมเพรสเซอร์
- มี 3 ขาหลัก คือ Gate (G), Collector (C), และ Emitter (E) โดยการจ่ายสัญญาณไฟฟ้าเล็กน้อยที่ขา Gate จะสามารถควบคุมกระแสไฟฟ้าปริมาณมหาศาลที่ไหลระหว่างขา Collector และ Emitter ได้
การจัดวงจรแบบบริดจ์:
- IGBT ทั้ง 6 ตัวจะถูกแบ่งออกเป็น 3 คู่ แต่ละคู่รับผิดชอบการสร้างสัญญาณไฟฟ้า 1 เฟส (U, V, W) ที่จะส่งไปขับเคลื่อนขดลวดของมอเตอร์คอมเพรสเซอร์
- ในแต่ละคู่ จะมี IGBT ตัวบน (High-Side) และตัวล่าง (Low-Side) ทำงานสลับกันเพื่อสร้างรูปคลื่นไฟฟ้าที่สมบูรณ์
ภาคควบคุม (Control Stage): ผู้บัญชาการ Gate Driver
หาก IGBT คือทหาร ภาคควบคุมหรือ Gate Driver ก็คือผู้บังคับบัญชาที่คอยออกคำสั่งโดยตรง ภาคนี้ทำหน้าที่สำคัญอย่างยิ่งในการเป็น “ตัวกลาง” ระหว่างสมองกลหลัก (MCU) กับภาคกำลัง (IGBT)
หน้าที่ของ Gate Driver
ขยายสัญญาณ:
ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) จะส่งสัญญาณควบคุมที่เรียกว่า PWM (Pulse Width Modulation) ซึ่งเป็นสัญญาณไฟฟ้าที่มีกำลังต่ำมากออกมา Gate Driver จะทำหน้าที่รับสัญญาณอ่อนๆ นี้มา “ขยาย” ให้มีแรงดันและกระแสสูงพอที่จะไปสั่งให้ IGBT ซึ่งเป็นสวิตช์ขนาดใหญ่ทำงาน (เปิด-ปิด) ได้อย่างสมบูรณ์และรวดเร็ว
แยกกราวด์ (Isolation)
ในวงจร High-Side IGBT จะทำงานที่ระดับแรงดันไฟฟ้าสูงมาก Gate Driver จะมีวงจรที่เรียกว่า “Level Shifter” เพื่อแยกกราวด์ของภาคควบคุมออกจากภาคกำลัง ป้องกันไม่ให้ไฟฟ้าแรงสูงย้อนกลับไปทำลาย MCU
ป้องกันการนำกระแสพร้อมกัน (Shoot-through Protection)
Gate Driver มีกลไกที่เรียกว่า “Dead Time” เพื่อให้มั่นใจว่า IGBT ตัวบนและตัวล่างในคู่เดียวกัน จะไม่เปิดทำงานพร้อมกันเด็ดขาด เพราะหากเปิดพร้อมกันจะทำให้เกิดการลัดวงจรอย่างรุนแรง (P-N Short) และสร้างความเสียหายให้กับ IPM ทันที
ภาคป้องกัน (Protection Stage): หน่วยรักษาความปลอดภัยอัจฉริยะ
นี่คือความ “Intelligent” ที่เป็นที่มาของชื่อ IPM ภายในชิปจะมีการฝังเซ็นเซอร์และวงจรป้องกันต่างๆ เอาไว้มากมาย เพื่อคอยสอดส่องการทำงานตลอดเวลา หากมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น มันจะสั่งตัดการทำงานทันทีเพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรง หน้าที่นี้สำคัญอย่างยิ่งในการ “ซ่อมบอร์ดแอร์ Inverter” เพราะโค้ดที่ฟ้องขึ้นมาส่วนใหญ่มักเกี่ยวข้องกับการทำงานของวงจรป้องกันเหล่านี้
วงจรป้องกันที่สำคัญใน IPM
Over-Current Protection (OC):
ป้องกันกระแสเกินพิกัด มีเซ็นเซอร์ (ปกติคือ Shunt Resistor) คอยวัดกระแสที่ไหลผ่าน IGBT หากสูงเกินค่าที่กำหนดไว้ IPM จะหยุดทำงานทันที สาเหตุอาจเกิดจากคอมเพรสเซอร์ล็อค, แรงดันไฟตก, หรือการลัดวงจรที่ขดลวดมอเตอร์
Short-Circuit Protection (SC):
ป้องกันการลัดวงจร ซึ่งเป็นสภาวะที่รุนแรงกว่ากระแสเกิน เป็นการป้องกันการลัดวงจรโดยตรงที่ขาออก U, V, W หรือการลัดวงจรภายในตัว IGBT เอง
Under-Voltage Lockout (UVLO):
ป้องกันแรงดันไฟเลี้ยงวงจรควบคุม (Vcc) ตก หากแรงดันไฟที่มาเลี้ยง Gate Driver ต่ำเกินไป จะทำให้ไม่สามารถขับ IGBT ให้ทำงานได้อย่างสมบูรณ์ (เปิดไม่สุด) ซึ่งจะทำให้เกิดความร้อนสูงและเสียหายได้ วงจรนี้จะสั่งล็อคการทำงานของ IPM ไว้จนกว่าแรงดันจะกลับมาปกติ
Over-Temperature Protection (OT):
ป้องกันอุณหภูมิสูงเกินไป ภายใน IPM จะมีเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิติดตั้งอยู่บนตัวชิป หาก IPM ทำงานหนักจนเกิดความร้อนสะสมสูงเกินค่าที่กำหนด (เช่น พัดลมระบายความร้อนไม่ทำงาน, ซิลิโคนแห้ง) วงจรจะสั่งตัดการทำงานเพื่อรอให้เย็นลง

ภาคสื่อสาร (Feedback Stage): ผู้ส่งสาร Fault Signal
เมื่อวงจรป้องกันตรวจพบความผิดปกติ มันไม่ได้แค่ตัดการทำงานแล้วเงียบไป แต่จะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารที่ดี โดยการส่งสัญญาณไฟฟ้าออกไปทางขาพิเศษที่ชื่อว่า “Fault” หรือ “FO”
การทำงานของขา Fault:
- ในสภาวะปกติ ขา Fault จะอยู่ในสถานะลอจิก “สูง” (High)
- เมื่อเกิดความผิดปกติใดๆ ขึ้น (OC, SC, UV, OT) วงจรภายใน IPM จะดึงให้สถานะของขา Fault เปลี่ยนเป็นลอจิก “ต่ำ” (Low)
- ไมโครคอนโทรลเลอร์ (MCU) ซึ่งคอยจับตาดูลอจิกที่ขา Fault อยู่ตลอดเวลา จะรับรู้ได้ทันทีว่า IPM มีปัญหา มันจะสั่งหยุดการส่งสัญญาณ PWM ไปยัง IPM และแสดงผลเป็นรหัสข้อผิดพลาด (Error Code) ที่รีโมทหรือที่หน้าเครื่อง เพื่อแจ้งให้ผู้ใช้หรือช่างทราบ
ตารางสรุปส่วนประกอบและหน้าที่ของ IPM
ภาคการทำงาน (Section) | ส่วนประกอบหลัก (Key Component) | หน้าที่หลัก (Main Function) | เปรียบเทียบ (Analogy) |
ภาคกำลัง (Power Stage) | IGBT 6 ตัว | เป็นสวิตช์ความเร็วสูง เปิด-ปิดไฟที่ส่งไปคอมเพรสเซอร์ | กล้ามเนื้อ / ทหารในสนามรบ |
ภาคควบคุม (Control Stage) | Gate Drivers | รับคำสั่งจาก MCU มาขยายและสั่งการ IGBT | ผู้บังคับบัญชา / นายร้อย |
ภาคป้องกัน (Protection Stage) | OC, SC, UV, OT Circuits | ตรวจจับความผิดปกติและสั่งหยุดทำงาน | หน่วยรักษาความปลอดภัย / ยาม |
ภาคสื่อสาร (Feedback Stage) | Fault (FO) Pin Output | แจ้งเตือนความผิดปกติกลับไปยัง MCU | ผู้ส่งสาร / พลนำสาร |
การเข้าใจส่วนประกอบทั้ง 4 ส่วนนี้ จะทำให้เราเห็นภาพรวมของ “การทำงาน IC IPM” ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น และเป็นพื้นฐานที่สำคัญอย่างยิ่งในการวิเคราะห์อาการเสียในขั้นตอนต่อไป
Yellow Tech นครศรีธรรมราช
ทีมงาน Yellow Tech นครศรีธรรมราช หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนช่างแอร์และผู้ที่สนใจใน “การซ่อม IPM” และ “การทำงานของแอร์ Inverter” ไม่มากก็น้อย
อย่างไรก็ตาม การทำงานกับแผงวงจรไฟฟ้าแรงสูงต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ และความรอบคอบด้านความปลอดภัยเป็นที่สุด หากท่านพบปัญหาเกี่ยวกับบอร์ดแอร์ที่ซับซ้อน
หรือไม่มั่นใจในการตรวจสอบและซ่อมแซมด้วยตนเอง เราพร้อมให้คำปรึกษาและบริการด้วยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์กว่า 10 ปี เพื่อให้อุปกรณ์ของท่านกลับมาทำงานได้อย่างสมบูรณ์และปลอดภัยอีกครั้ง